หลายคนยังคิดว่าโรคออทิสติกเป็นเรื่องที่ไกลตัวเรา แต่คุณรู้ไหมว่าเด็กไทยป่วยเป็นออทิสติกมากกว่า 3 แสนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังคงมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญยังคงพยายามแยกแยะปัจจัยที่ทำให้เกิดการพัฒนาโรคออทิสติกในเด็กอยู่ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครทราบชัดว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรแล้วจะรักษาอย่างไรให้หายขาด เมื่อเราลองมาดูจากการวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่ามันมีโอกาสมากที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการปฏิสนธิ เช่น การตั้งครรภ์ และแม้กระทั่งการคลอดบุตรอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นออทิสติกในเด็กที่มีความบกพร่องทางพันธุกรรม
แม้ว่าคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมได้มากนัก แต่คุณสามารถเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต ปัจจัยสภาพแวดล้อมบางอย่าง ที่อาจไปกระตุ้นการพัฒนาของโรคนี้ได้ อย่างไรก็ตามไม่มีการยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเป็นวิธีที่ได้ผลสุด อย่างน้อยที่สุดมันก็ดีต่อสุขภาพร่างกายของผู้ตั้งครรภ์ และมีโอกาสมากกว่าที่เด็กจะเติบโตได้อย่างแข็งแรงในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า แล้วเรามีวิธีอย่างไรบ้างที่จะช่วยให้เด็กในครรภ์ห่างไกลจากโรค วันนี้เรามีคำตอบมาฝากคนที่กำลังจะเป็นพ่อแม่ ที่อยากให้ลูกเกิดมาเป็นเด็กที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง ถ้าพร้อมแล้วสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากข้อมูลจากทางด้านล่างนี้เลยครับ
5 ขั้นตอนในการป้องกันโรคออทิสติกของเด็กในครรภ์
1.อย่าใช้ยาในระหว่างตั้งครรภ์ ถามแพทย์ทุกครั้งก่อนที่จะใช้ยาชนิดใดก็ตาม ที่ไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบกับเด็กในครรภ์หรือไม่ นี่ถือเป็นเรื่องที่จริงจังมาก โดยเฉพาะยาในกลุ่ม “ยาป้องกันอาการชัก”
2.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าใครยื่นแก้วเหล้ามาให้คุณ “คุณจะต้องปฏิเสธไปในทันที” เพราะไม่ว่าเครื่องดื่มชนิดใดก็ตามที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ล้วนมีผลข้างเคียงที่ไม่ดีกับผู้ที่ตั้งครรภ์
3.รักษาโรคประจำตัว ถ้าคุณเป็นคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับช่องท้อง จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อาการอยู่ภายใต้การควบคุม
4.รับการฉีดวัคซีน อย่าลืมไปฉีดวัคซันป้องกันหัดเยอรมันก่อนวางแผนตั้งครรภ์ ซึ่งวัคซีนตัวนี้สามารถป้องกันโรคที่อาจพัฒนาร่วมกับออทิสติกได้
5.อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ผู้หญิงที่วางแผนกำลังจะมีลูกหรือกำลังตั้งครรภ์อยู่ จำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอกับร่างกายและชีวิตน้อยๆ ที่อยู่ในท้องของเรา พยายามกินอาหารที่ครบ 5 หมู่ ตามด้วยอาหารเสริมที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างไรก็ตามการกินอาหารเสริมจะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะหากทานมากไปอาจเกิดโทษมากกว่าประโยชน์